Key takeaways:
นอกจากการใช้ยาแผนปัจจุบันแล้ว แพทย์ในสหรัฐมักแนะนำให้เลือกอาหารแบบ Dietary Approach to Stop Hypertension (DASH) เป็นกลยุทธ์ในการช่วยควบคุมหรือลดความดันโลหิตสูงโดยปราศจากผลข้างเคียง เพื่อช่วยให้คนไข้ต้องพึ่งพายาน้อยลง

1. Yogurt
แคลเซียมนับเป็นกุญแจสำคัญ ที่ช่วยรักษาระดับความดันโลหิตไม่ให้พุ่งสูงจนเกินไปได้อย่างน่าทึ่ง เพราะมันจะช่วยให้หลอดเลือดบีบและขยายตัวได้อย่างเหมาะสม เริ่มแบบง่ายๆ ด้วยการทานโยเกิร์ตชนิดไขมันต่ำและปราศจากน้ำตาลเป็นประจำทุกวัน ก็สามารถเติมแคลเซียมแบบสบายๆ
กรณีเป็นผู้สูงวัย อาจใช้วิธีเสริมอาหารด้วย Calcium L-Threonate เพื่อให้ได้ปริมาณแคลเซียมเพียงพอต่อวัน ในการซ่อมกระดูกไม่ให้พรุนหรือแตกหักง่าย
Expert’s Choice
- OVOCAL Calcium L-Threonate + NEM Supplement for Bone & Joint 30 tab
- $69.00

Expert’s Choice

- OVOCAL® Calcium L-Threonate + NEM® Supplement for Bone & Joint 30 tab
- $69.00

2. Go Green
เกลือทำให้ร่างกายกักเก็บน้ำไว้ ทำให้ระดับเลือดสูงขึ้น เพิ่มความดันให้กับผนังหลอดเลือด เป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ความดันโลหิตสูงขึ้นนั่นเอง
แพทย์แนะนำให้เติมเต็มผักสีเขียวในแต่ละมื้อเช่น บลอกโคลี ผักขม หรือ คะน้า ซึ่งอุดมไปด้วย Potassium แร่ธาตุสำคัญที่ช่วยชะล้างเกลือ Sodium ออกทางปัสสาวะ เพื่อผ่อนคลายหลอดเลือดได้แบบง่ายๆ

3. Berry Good for You
สีอันฉูดฉาดสดใสในเหล่าผลไม้กลุ่มเบอรรี่อย่างสตรอเบอรี่ บลูเบอรี่ หรือราสเบอรี่นั้น อุดมไปด้วย สาร Anthocyanin ที่ช่วยให้ผนังหลอดเลือดยืดหยุ่นและขยายตัวดีขึ้น จึงช่วยลดความดันโลหิตและช่วยให้สุขภาพหัวใจแข็งแรงขึ้นด้วย
กรณีที่หาเบอรรี่สดไม่ได้ ให้ใช้แบบแช่แข็งทดแทนได้ เพราะจะยังคงมีสารสำคัญและวิตามินซีอยู่อย่างครบครัน

4. Dark Chocolate
สายช็อคโกแลตอาจมีเฮ เพราะทานเพียงเล็กน้อย ก็สามารถเพิ่มสาร Flavanol ที่ไปช่วยขยายหลอดเลือดได้ดี มีผลทำให้ความดันโลหิตลดลงได้ไม่แพ้กระเทียม
ควรเลือกชนิดผสมโกโก้อย่างน้อย 50-70% ซึ่งมีส่วนผสมของไขมันต้องห้ามและน้ำตาลต่ำ

5. Pomegranates
การดื่มน้ำทับทิมหรือ Pomegranate Juice เป็นประจำ ช่วยลดตัวเลขค่าความดันลงได้ดี ไม่แปลกที่มันกลายเป็นน้ำผลไม้ตัวเลือกแรกๆ สำหรับคนรักสุขภาพมายาวนาน หากแต่มันอาจมี Fiber ใยอาหารไม่มากพอ จึงควรเสริมด้วยผลไม้ที่มี Fiber สูงร่วมด้วยในแต่ละวัน เพื่อเสริมให้ลำไส้และหัวใจสุขภาพดี

6. Olive Oil
เป็นน้ำมันที่อุดมไปด้วยสาร Polyphenols ซึ่งช่วยเสริมสุขภาพให้หลอดเลือดแข็งแรงและยืดหยุ่นได้อย่างเหนือชั้นกว่าน้ำมันชนิดอื่น ไม่แปลกที่ชาวอิตาลีเลือกน้ำมันมะกอกเป็นตัวหลักในการทำอาหาร
แนะนำให้ใช้แทนน้ำมันพืชและเนยในการทำอาหาร เพราะได้ทั้งรสชาติและสุขภาพที่ดีไปพร้อมๆกัน

7. Pistachios
ในขณะที่ไขมันในถั่วอัลมอนด์และวอลนัทช่วยให้หัวใจสุขภาพดีขึ้นได้ แต่สำหรับปัญหาความดันโลหิตแล้ว ถั่วพิสตาชิโอ้เป็นกลับเป็นพระเอกหลัก ที่สามารถลดค่าความดันโลหิตทั้งบนและล่างได้ดีที่สุด
แพทย์แนะนำให้เลือกชนิดไม่ใส่เกลือเท่านั้น โดยเฉพาะในผู้ที่มีปัญหาสุขภาพไต